เขาค้อ ด่านซ้าย เชียงคาน กับ 4 ขา
ต้อนรับปีใหม่ พ.ศ. 2559 ด้วยทริปเขาค้อ ด่านซ้าย เชียงคาน กับ 4 ขา พวกเราออกเดินทางไปเที่ยวกันในวันที่ 28-31 ธ.ค. 2558 ก่อนวันขึ้นปีใหม่ เพราะอยากเดินทางกลับมาก่อนที่คนส่วนมากจะกลับกัน
ทริปนี้รูปภาพอาจจะไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ เพราะตอนนั้นแอดยังไม่คิดจะเขียนบล็อคการเดินทางท่องเที่ยว จึงเป็นรูปภาพที่พวกเราถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันเท่านั้น พวกเราออกเดินทางจากจังหวัดชลบุรีกันตั้งแต่เช้ามืดของวันที่ 28 ธ.ค. ทริปนี้เราพาลูกสาวมาด้วย 2 ตัว นั่งกันที่เบาะด้านหลังตลอดการเดินทาง
เห็นพวกหนูไหมมมม
ทริปนี้เป็นทริปแรกที่เราจะลองนอนกันในเต้นท์ แอดซื้อเต้นท์ขนาด 4 คนนอนติดรถไปด้วยเพราะวางแพลนไว้ว่า คืนนี้เราจะไปหาที่กางเต้นท์นอนกันที่เขาค้อ เราขนผ้าห่มผืนใหญ่ไปสองผืนสำหรับปูนอนและห่มกันในเต้นท์ และอุปกรณ์ต่างๆที่จำเป็นสำหรับลูกสาว
สิ่งสำคัญสำหรับนักเดินทางที่จะนำน้องหมาไปเที่ยวด้วย จะต้องมีอะไรบ้าง เข้าไปอ่านที่หัวข้อบล็อค (เวลาที่พาน้องหมาไปเที่ยว ควรเตรียมตัวอย่างไรกันนะ!! , https://timemyself.blogspot.com/2018/06/blog-post_15.html) กันนะค่ะ
เรามาถึงจังหวัดเพชรบูรณ์ตอนประมานบ่าย 2 ก็ตระเวนหาที่กางเต้นท์กันที่เขาค้อ นักท่องเที่ยวเดินทางมาเยอะมากๆเลยขนาดว่าเราเดินทางออกมาก่อนแล้ว สุดท้ายเรามาได้จุดกางเต้นท์กันที่ แค้มป์ช้างวิว อยู่ติดกับไปรษณีย์เขาค้อ ตอนที่เราไปเจ้าของพึ่งถางที่ทำเป็นจุดกางเต้นท์หมาดๆ บริเวณรอบๆเลยดูเหมือนยังไม่เรียบร้อย แต่เราได้จุดกางเต้นท์ริมหน้าผา มองเห็นวิวไกลๆสวยดี แล้วอยู่ริมสุดด้วย อีกข้างเป็นที่ว่าง เหมาะกับเราที่มีน้องหมามาด้วยสุดๆ
วิวดีเชียว...เด็กๆไม่เคยนอนเต้นท์ ตื่นเต้นกันใหญ่
กว่าเราจะกางเต้นท์ ขนของกันเสร็จก็เกือบจะ 5 โมงเย็นแล้ว เลยรีบออกเดินทางไปเที่ยวกันที่ พิพิธภัณฑ์อาวุธและการสู้รบ (ฐานยิงสนับสนุนอิทธิ) อยู่ไม่ไกลมากเท่าไร
พิพิธภัณฑ์อาวุธและการสู้รบ (ฐานยิงสนับสนุนอิทธิ) เคยเป็นฐานปืนใหญ่ยิงสนับสนุนการสู้รบในการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ ฐานอิทธินี้มีประวัติการสู้รบมายาวนานกว่า 10 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2511 เป็นต้นมาฝ่ายรัฐบาลต้องสูญเสียกำลังพลและยุทโธปกรณ์ไปเป็นจำนวนมากเพื่อล้มล้างอิทธิพลคอมมิวนิสต์ ต่อมาฐานแห่งนี้ได้รับการตั้งชื่อว่า ฐานยิงสนับสนุนอิทธิ เป็นอนุสรณ์แด่ พ.อ.อิทธิ สิมารักษ์ ผช.ผอ.พตท.1617 ผู้มีบทบาทสำคัญในการต่อสู้ยึดพื้นที่เขาค้อคืน ซึ่งเสียชีวิตจากการบัญชาการรบบนเข้าค้อเพื่อนำผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตออกจากพื้นที่การต่อสู้ และได้ยุติจนสิ้นเชิงในปี พ.ศ. 2525 ปัจจุบันฐานยิงสนับสนุนอิทธิได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการก่อสร้างเป็น พิพิธภัณฑ์ เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการต่อสู้ ค่าธรรมเนียมเข้าชม คนละ 10 บาท เปิด 07.00 – 17.00 น.
กลับมาใกล้จะมืดเสียแล้ว รีบหาซื้อของกินกลับเต้นท์กันดีกว่า เพราะหน้าหนาวจะมืดเร็ว ตกดึกอากาศหนาวมากกกกก หนาวยะเยือกเลย ลูกๆนอนไม่ค่อยหลับ สงสัยแปลกที่แล้วไม่เคยนอนเต้นท์กันมาก่อน เดินกันทั้งคืน แอดใส่เสื้อผ้าให้ลูกสาว 2 ชั้นเป็นเสื้อกันหนาวสำหรับน้องหมา กะว่าเช้านี้จะต้องได้เห็นทะเลหมอก แต่.....ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ปราศจากเมฆหมอกโดยสิ้นเชิง 😂😂
ตอนเช้าก่อนเดินทางไปเชียงคาน 🚙🚙 เลยแวะกันที่ วัดพระธาตุผาซ้อนแก้ว สวยงามตระการตาสมคำร่ำลือจริงๆ
ป.ล. เด็กๆรออยู่บนรถ ช่วงเช้าอากาศเย็น เปิดหน้าต่างรถและจอดรถไว้ในที่ร่ม
เดินทางยาวๆระหว่างทางไปเชียงคานเราขับไปทางอ.ด่านซ้าย แวะเที่ยวกันที่นี่ก่อน ไปดูแหล่งกำเนิดประเพณีผีตาโขนกัน
ถ้ามาเจอจุดชมวิวตรงนี้ก็มาถึงอ.ด่านซ้ายกันแล้ว
สถานที่แรกที่จะเจอเมื่อมาตามทางเข้าอ.ด่านซ้าย คือ วัดเนรมิตวิปัสนาราม แอดแนะนำว่าถ้าใครได้มาที่อ.ด่านซ้าย จ.เลย จะต้องแวะมาที่วัดนี้ให้ได้ค่ะ เพราะวัดสวยงามและแปลกตาด้วยสถาปัตยกรรมที่แตกต่างจากวัดอื่นๆค่ะ
วัดเนรมิตวิปัสสนา ตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2521 โดยพระครูภาวนาวิสุทธิญาน หรือหลวงพ่อมหาพันธ์ สีลวิสุมโธ เจ้าอาวาสรูปแรก หลังจากที่หลวงพ่อมรณภาพลง พระครูภาวนาวิสุทธาภรณ์ เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันได้รับเป็นประธานดำเนินการก่อสร้างต่อ พร้อมด้วยบรรดาคณะศิษยานุศิษย์ พระภิกษุสามเณร ข้าราชการ ทหารตำรวจ พ่อค้าและประชาชนชาวอำเภอด่านซ้าย ใช้งบประมาณในการก่อสร้างประมาณ 197 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 14 ปี
จากวัดเนรมิตวิปัสนารามไม่ไกล ก็จะเจอกับพระธาตุศรีสองรัก
พระธาตุศรีสองรักสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นสักขีพยานในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่างกรุงศรีอยุธยา (สมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ) กับกรุงศรีสัตนาคนหุต (ปัจจุบันคือเวียงจันทน์ ประเทศลาว) เพื่อต่อสู้กับพม่า และเพื่อเป็นที่ระลึกในการทำไมตรีต่อกัน จึงได้ร่วมกันสร้างพระธาตุศรีสองรักเพื่อเป็นสักขีพยาน ณ กึ่งกลางระหว่างแม่น้ำน่านและแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นรอยต่อของทั้งสองราชอาณาจักร
นักเดินทางท่านใดจะเดินทางไปต้องระวังเรื่องข้อห้ามด้วยนะค่ะ ข้อปฏิบัติเกี่ยวกับองค์พระธาตุศรีสองรัก คือ ไม่ควรนำสิ่งของหรือดอกไม้สีแดงขึ้นบูชา ไม่ควรแต่งกายด้วยชุดสีแดงขึ้นไปนมัสการ
ต้นผึ้ง ดอกผึ้งที่ประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อนำมาถวายพระธาตุศรีสองรัก
ผู้หญิงห้ามเข้าไปแปะแผ่นทองด้านในนะค่ะ
เดินทางต่อมากันที่ พิพิธภัณฑ์ผีตาโขน วัดโพนชัย เป็นสถานที่เก็บและจัดนิทรรศการเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของขนบธรรมเนียมประเพณีต่าง ๆ ที่สืบต่อกันมา รวมถึงผีตาโขนที่มีความเชื่อกันว่าเป็นการละเล่นพื้นบ้านที่สืบทอดมาแต่โบราณกาล ภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงหุ่นผีตาโขนที่มีรูปร่างหน้าตาที่แตกต่างกัน และมี 2 ประเภทคือ ผีตาโขนใหญ่ ผู้ชายและผู้หญิงจะไม่มีการทำใหม่ทุกปี แต่จะทำตามธรรมเนียมที่กำหนดไว้เท่านั้น และผีตาโขนเล็กที่เราพบเห็นกันทุกปี นอกจากนี้ยังมีการสาธิตการทำหน้ากากผีตาโขนอีกด้วย
ที่สุดท้ายก่อนเดินทางไปอ.เชียงคาน เราแวะทานอาหารพักผ่อนกันที่ อ่างเก็บน้ำห้วยกระทิง กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวนิยมมาใช้เวลาในวันพักผ่อนที่นี่ก็คือ การล่องแพพักผ่อนพร้อมทานอาหารท่ามกลางวิวทิวทัศน์และบรรยากาศที่สวยงาม ร่มรื่น และเย็นสบายจากลมที่พัดมาในอ่างเก็บน้ำห้วยกระทิง ที่นี่มีแพร้านอาหารให้บริการหลายเจ้า เลือกได้ตามชอบว่าจะใช้บริการของแพเจ้าไหน เมื่อเลือกได้แล้วทางร้านก็จะลากแพของเราออกไปกลางน้ำ และนำอาหารมาส่งให้ถึงที่แพกันเลย
ทั้งคน ทั้งหมา นั่งกินลมชมวิวกันสบายใจ
แวะกันมาหลายที่ ถึงเวลาที่ต้องเดินทางไปกันที่อ.เชียงคานซะแล้ว หลังจากนอนหลับพักผ่อนอยู่บนแพไม่นาน ก็มาถึงเชียงคานสักที รีบเข้าไปเช็คอินที่พักกันก่อนดีกว่า ที่พักของเราในเชียงคานมีชื่อ สองผัวเมียเกรสเฮ้าส์ แอนด์ แฮนดิคราฟท์ ที่พักตอนรับน้องหมา อยู่ในตัวถนนคนเดินเชียงคานเลยจึงไม่มีที่จอดรถ พวกเราจึงต้องนำรถไปจอดกันที่วัดแถวๆที่พักแทน เจ้าของที่พักใจดีและสุภาพมากๆค่ะ
เจ้าตัวเล็กมาถึงที่พักรีบกระโดดขึ้นเตียง ต้องพาลงแล้วเอาผู้ปูที่นอนที่เตรียมมา
คลุมทับที่นอนของที่พักซะก่อน
ภายในห้องพักจะตกแต่งด้วยวัสดุท้องถิ่น แสงไฟสลัวๆโรแมนติค ^^
(แต่แอดว่ามันมืดไปหน่อย ทำให้การมองเห็นยากสักนิด 555)
ตกกลางคืนเราก็ออกไปเดินเล่น หาของกินกันที่ถนนคนเดินเชียงคาน มีร้านค้า ร้านอาหาร ของที่ระลึกเยอะแยะมากมาย รวมถึงนักท่องเที่ยวด้วย (แอดไม่ได้ถ่ายภาพถนนคนเดินมาเท่าไหร่)
ระหว่างเดินเล่น เราก็มองหารถสกายแล้ปที่เราจะว่าจ้างพาเราไปเที่ยวกันวันพรุ่งนี้ เราก็ได้เจอคุณลุงสกายแล้ปและตกลงราคานำเที่ยว 1 วัน เรียบร้อย (แอดต้องขอโทษด้วยนะค่ะที่ไม่มีข้อมูลของลุงเอาไว้เลย แต่สามารถสอบถามและตกลงราคากับคนขับรถสกายแล้ปแถวถนนคนเดินได้เลยค่ะ มีรถจอดอยู่เยอะและส่วนมากจะรับพาไปส่งตามจุดที่เที่ยวต่างๆที่สำคัญในเชียงคานค่ะ) ลุงนัดพวกเราที่หน้าที่พักของเราเจอกันตอนตี 5 😲😲
เช้านี้เราเลยต้องตื่นกันตั้งแต่ตี 4 เพื่อเตรียมตัวไปรอรถหน้าที่พัก เช้านี้เราจะไปชมทะเลหมอกกันที่ภูทอกค่ะ ใจก็ตุ่มๆต่อมๆว่าจะได้มีโอกาสเจอทะเลหมอกไหมน้า ลุงคนขับเองก็บอกว่าต้องเสี่ยงเอา บางคนมาที่นี่หลายรอบก็ยังไม่เคยเจอทะเลหมอกเลยสักครั้ง โอยยยยย นั่งรถฝ่าความหนาวเหน็บมาที่ทางขึ้นภูทอก ลุงจอดรถส่งเราที่นี่ เพราะเราจะต้องต่อรถกะบะของที่นี่ขึ้นไปเท่านั้น คนขึ้นภูเยอะมากมาย ขึ้นไปยื่นรออยู่นานพอสมควร จนเกือบจะถอดใจว่าคงไม่เจอทะเลหมอกแล้ว แต่.......และแล้วเมฆก็ค่อยๆพัดมาเรื่อยๆมารวมกัน จนรอบๆกลายเป็นสีขาวปุยสุดลูกหูลูกตา ฟินนนนนน
พอลงมาลุงคนขับก็ถามว่า เป็นยังไงได้เจอไหมทะเลหมอก ลุงยังบอกว่าเราโชคดีที่มาครั้งแรกก็ได้เจอเลย โชคดีจริงๆด้วยยยยย แล้วลุงก็ขับรถพาเรามาส่งที่ แก่งคุดคู้ แก่งขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของไทย ที่เกิดจากการทอดตัวของแนวหินลงในแม่น้ำโขง ประกอบด้วยหินก้อนใหญ่ ๆ เป็นจำนวนมากจากการที่หินเหล่านี้อยู่ใต้น้ำเป็นเวลานาน ทำให้หินเหล่านี้มีสีสันสวยงาม ตัวแก่งกว้างใหญ่เกือบจรดสองฝั่งแม่น้ำโขง
แก่งหินที่เดินลงไปได้ จนเสมือนเดินอยู่กลางแม่น้ำโขง อากาศเย็นหมอกหนามองไม่เห็นฝั่งลาว
แล้วลุงก็พาเราไปต่อกันที่ พระพุทธบาทภูควายเงิน เป็นศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์สำคัญที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองเชียงคานมานาน ความโดดเด่นของพระพุทธบาทภูควายเงิน นั้นก็คือการที่เป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทยาวบนหินลับมีด โดยมีขนาดความยาวถึง 120 เซนติเมตร เเละมีความกว้าง 65 เซนติเมตร นอกจากนี้เเล้วที่น่าสนใจก็คือภายในวัดเเห่งนี้จะมีการเลี้ยงกระต่ายไว้จำนวนมาก เเละมีการปล่อยอย่างอิสระ
รอยพระพุทธบาท
แม่ๆกระต่ายเต็มเลย
ที่นี่เป็นที่สุดท้ายสำหรับทริปที่ลุงพาพวกเรามา เป็นทริปแบบครึ่งวัน แล้วก็กลับมานอนพักผ่อนกันที่พัก ตกเย็นก็ยืมจักรยานจากที่พักออกไปปั่นเล่นกันริมแม่น้ำโขง
เด็กๆนั่งตระกร้าหน้ารถจักรยาน
ตกเย็นก็ไปเดินถนนคนเดินเช่นเคย พรุ่งนี้เราจะเดินทางกลับบ้านกันแล้ว เหลืออีก 1 ภาระกิจในยามเช้านั่นคือ ตักบาตรข้าวเหนียว ตอนเช้าๆจะมีเจ้าหน้าที่มาปูเสื่อสองฝั่งถนนคนเดิน สามารถเลือกนั่งตรงไหนก็ได้ แล้วก็ซื้อชุดใส่บาตรได้ตามสะดวก ต้องลงมาจองที่นั่งกันตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง ไม่งั้นที่นั่งเต็ม
คนรอใส่บาตรเต็มเลย
ลูกๆก็ได้ร่วมใส่บาตรกับเราด้วย
เดินเล่นริมโขงยามเช้าก่อนกลับ
โดยรวมเชียงคานเป็นเมืองเล็กๆที่มีเสน่ห์ อากาศดีเย็นสบาย แต่กลางวันก็ร้อนใช้ได้ หากมาที่นี่แอดอยากแนะนำให้แวะเที่ยวตามทางก่อนที่จะมาถึงเชียงคาน เพราะมีสถานที่ที่สำคัญ สวยงาม น่าสนใจเยอะแยะมากมายให้ได้แวะท่องเที่ยวกัน