เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกในชีวิต คันไซที่รัก Ep.5
จังหวัดเฮียวโงะ ชมปราสาทฮิเมจิ สวนโคโคเอ็น ย่านช้อปปิ้งถนนมิยุคิโดริ ชมวิวเมืองท่าที่โกเบ (วันที่ 2 ของการเดินทางด้วยบัตร Kansai Thru Pass)
ภาพจาก https://battera.co/ja/fortourist/from-kansai-international-airport-to-namba-ja/
สถานีรถไฟที่สนามบินคันไซมีอยู่ 2 สาย คือสายของ JR (ทางเข้าสีน้ำเงิน) และสายของ Nankai Line (ทางเข้าสีส้ม) เราจะต้องเลือกว่าสถานที่ที่เราจะไปนั้นควรไปรถไฟสายไหน แต่แอดจะเดินทางด้วยรถไฟสาย Nankai เพราะวันนี้เราจะเดินทางกันด้วยบัตร Kansai Thru Pass นั่นเอง บัตรนี้แอดซื้อกันตั้งแต่ที่เมืองไทยเลยค่ะ แต่ถ้าใครยังไม่ได้ซื้อ ด้านหน้าสถานีมีเค้าท์เตอร์สำหรับขายบัตรอยู่ค่ะ (ใครยังไม่ได้อ่านแพลนการเดินทางของพวกเรา สามารถย้อนอ่านได้ใน Ep.2 นะค่ะ)
รถไฟสาย Nankai มี 2 แบบ คือ
แบบที่ 1 เป็นแบบ Rapit Express เป็นรถไฟด่วนพิเศษ ทุกที่นั่งจะเป็นแบบจองระบุที่นั่ง Reserved มีที่ขายอาหาร เครื่องดื่ม มีห้องน้ำ และมีที่วางกระเป๋า เดินทางจากสถานีสนามบินคันไซ ไปสถานีนัมบะ Numba ใช้เวลาประมาน 40 นาที รถไฟโดดเด่นด้วยหัวขบวนสีน้ำเงินเข้ม เดินลงบันไดเลื่อนมารางรถไฟจะอยู่ทางซ้ายมือเลย สำหรับบัตร Kansai Thru Pass ถ้าจะใช้บริการขบวนนี้จะต้องเสียเงินเพิ่ม
ภาพจาก https://topick.hket.com
แบบที่ 2 เป็นแบบรถไฟด่วนธรรมดา จะจอดหลายสถานี จึงใช้เวลานานกว่า เดินทางจากสถานีสนามบินคันไซ ไปสถานีนัมบะ Numba ใช้เวลาประมาน 45 นาที แอดเลือกใช้แบบนี้ค่ะ เพราะบัตร KTP ขึ้นสายนี้ฟรี ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม (ประหยัดๆ เพราะยังไงก็ถึงเหมือนกัน) ลงบันไดเลื่อนมารางรถไฟจะอยู่ทางขวามือ ไปยืนรอรถไฟกันได้เลย
ภาพจาก https://www.osakastation.com
รถไฟมาแล้ว !!! ขึ้นไปจับจองที่นั่งกันได้เลย แนะนำว่าให้นั่งใกล้ประตู เพราะคนจะเยอะขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเราจะต้องออกจากรถไฟก่อนสุดสถานีปลายทาง จะออกลำบากมาก
ต่อไปแพลนของเราคือ เราจะไปที่พักกันก่อน ฝากกระเป๋าเดินทางไว้ที่ๆพัก (เพราะยังไม่สามารถเช็คอินได้ มันเช้าเกินไป) แล้วจึงออกเดินทางต่อไปยังจังหวัดเฮียวโงะ
วิธีการเดินทางจากสนามบินไปที่พัก
1. จากสถานีสนามบินคันไซเราจะลงกันที่สถานี Tengachaya Sta.
2. เมื่อลงสถานี Tengachaya แล้ว ให้มองหาป้ายสีน้ำตาลที่เขียนว่า Sakaisuji line เพื่อขึ้นรถไฟสายนี้ไปลงที่สถานี Dobutsuen-mae ทางออกหมายเลข 6 ที่พักของเราอยู่กันที่นี่
ที่พัก
ที่พักรอบนี้ของพวกเราชื่อว่า Hotel Zipang เป็นห้องพักขนาดเล็ก ราคาประหยัด เหมาะกับทริปที่ไม่ค่อยอยู่ห้องพักเท่าไหร่แบบเรา เอาไว้แค่นอนพักตอนกลางคืนเท่านั้น จองผ่าน www.booking.com เช่นเคย แอดได้ราคาห้องพักแบบ 2 คน ราคา 3 พันกว่าบาทต่อ 5 คืน ซึ่งถูกมากกกกก มีแอร์ ทีวี ตู้เย็น ฟูกนอน หมอน ผ้าห่ม (แอดชอบฟูกนอนกับหมอนเขามากๆอะ มันนอนสบายสุดๆ) รองเท้าสลิปเปอร์ แต่ไม่มีผ้าเช็ดตัว ห้องพักเป็นห้องน้ำรวม แต่จะเป็นห้องแบบตู้อาบน้ำคล้ายที่สนามบิน มีโซนแต่งตัว โซนอาบน้ำ แต่มีจำนวนน้อยไปสักหน่อย อาจจะต้องเสียเวลารอกัน แล้วห้องอาบน้ำจะมีอยู่แค่ชั้น 1 ชั้นเดียว แต่ห้องน้ำจะมีห้องรวมในแต่ละชั้นให้ ก็ถือว่าโอเครสำหรับแบ็คแพ็คเกอร์ที่ไม่ซีเรียสเรื่องที่พักมากนัก ที่พักอยู่ใกล้สถานีรถไฟ Dobutsuen-mae พอสมควร ซึ่งรถไฟสถานีนี้มีผ่านถึง 2 สาย คือสายสีแดง Midosuji line กับสายสีน้ำตาล Sakaisuji line
ภาพจาก http://booking .com
เราเอากระเป๋าไปฝากพนักงานโรงแรมเอาไว้ เขารับฝากสัมภาระ ฟรี และแจ้งพนักงานว่าจะกลับมาเช็คอินประมาน 3 ทุ่ม เพราะเราจะออกไปเที่ยวกันก่อน พนักงานต้อนรับยิ้มแย้มแจ่มใส อัธยาศัยดีมากๆ แต่อาจจะฟังภาษาอังกฤษของเขายากสักหน่อย
ออกเดินทางไปปราสาทฮิเมจิ
วิธีการเดินทาง
ใช้บัตร KTP อย่างเดียว
1. จากที่พักขึ้นสถานีรถไฟ Dobutsuen-mae Sta. สายสีแดง Midosuji line ไปลงที่สถานี Umeda Sta.
2. เดินตามป้ายรถไฟสาย Hanshin Main line (รถไฟเอกชน)
3. เลือกขึ้นรถไฟ ที่ด้านข้างจะมีป้ายไฟเขียนว่า Himeji
รถไฟเอกชนจะมีอยู่ 3 แบบ คือ
1. Local แวะจอดทุกสถานี
2. Rapid จอดบางสถานีที่มีคนมาก
3. Limited Express จอดเฉพาะสถานีใหญ่ๆเท่านั้น
เราสามารถขึ้นได้ทุกแบบ โดยทุกสถานีจะมีป้ายตารางรถไฟบอกไว้ว่า รถไฟแบบไหนจอดสถานีไหนบ้าง เราก็ต้องมาดูว่าสถานีที่เราจะไปลง มีรถไฟแบบไหนผ่าน (วิธีดูว่ารถไฟคันนี้เป็นแบบไหนดูที่ด้านข้างตู้รถไฟ จะมีป้ายไฟเขียนเอาไว้ว่าเป็นสายแบบไหน) ก่อนขึ้นก็ไปเช็คตารางรถไฟก่อนเน้อ เดี๋ยวจะขึ้นผิดแบบแล้วรถไฟไม่จอด ต้องย้อนกลับมาใหม่อีก
แอดเลือกรถไฟที่ด้านข้างเขียนว่า Limited Express - Himeji
ขึ้นรถไฟยาวๆแบบไม่ต้องเปลี่ยนสถานี ไปลงทีเดียวที่สถานี Sanyo-Himeji เลย สบายสบาย นั่งยาวสุดสายใช้เวลา 90 นาที (แต่อย่าเอาแต่หลับตลอดทางนะ หูต้องไว ฟังชื่อและคอยดูแผนที่รถไฟว่าตอนนี้ถึงสถานีไหนแล้ว เผื่อเราขึ้นผิด จะได้รู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน)
โน้นไง เห็นปราสาทฮิเมจิอยู่ไกลๆ มองเห็นได้จากกลางถนนหลักเลย
มาถึงสถานี Sanyo-Himeji เดินออกมาจากตัวสถานี จะเจอถนนสายหลักมุงตรงสู่ปราสาทฮิเมจิ เดินไปตามทางได้เลย สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านรวงต่างๆ อากาศเย็นสบาย แต่ออกจะหนาวสักหน่อยเลยต้องใส่เสื้อคลุมด้านนอก ตลอดทางมีต้นไม้ใหญ่สีเขียวทำให้บรรยากาศดูร่มรื่น
ป.ล. เวลาจะข้ามถนน อย่าลืมดูให้ดีว่ามีสัญญาณไฟรึเปล่า ต้องรอให้ขึ้นไฟเขียวแล้วเป็นรูปคนข้ามถึงจะข้ามได้นะ แม้กระทั่งทางข้ามซอยเล็กๆยังมีสัญญาณไฟเลย คนไทยแบบเราจะเผลอข้ามเลยทุกที ต้องคอยเตือนๆกัน ให้ดูสัญญาณ
แวะหาของกินกันด้านหน้าทางเข้าสักหน่อย น่ากินไหมละ ^^ (ภาพจาก Fon Chonticha)
เอาละเดินต่อเข้าไปด้านใน แต่ด้านในเนี่ยแบ่งเป็นหลายชั้นเลยนะ กว่าจะถึงตัวปราสาท ทำเอาหอบอยู่เหมือนกัน ดีที่ไม่ร้อนไม่งั้นคงแย่ แต่แอดอยากแนะนำว่า มาที่นี่ต้องมีเวลาอย่างน้อย 3 ชม. ขึ้นไป เพราะพื้นที่บริเวณปราสาทใหญ่มากกกกก มีจุดสวยๆเยอะแยะเลย แค่ถ่ายรูปก็หมดเวลาแล้วอะ พวกเราจึงอยู่ที่นี่กันทั้งวัน ไม่ไปที่ไหนต่อละ
แอดซื้อบัตรเข้าชมแบบบัตรชุด คือเข้าชมได้ทั้งปราสาทฮิเมจิและสวนโคโคะเอ็น เพราะมันคุ้มกว่า ถ้าซื้อบัตรแค่ปราสาทฮิเมจิ ราคา 1,000 เยน แต่ถ้าเป็นบัตรชุด 1,040 เยน จะเลือกแบบไหนละ ก็ต้องบัตรชุดสินะ แต่บอกเลยว่าไม่เสียใจที่ซื้อบัตรสวนโคโคะเอ็นมาด้วย ข้างในสวยมากนะ ฮุฮุ
ปราสาทฮิเมจิ
ปราสาทฮิเมจิมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 400 ปี เป็นปราสาทที่ยังคงสภาพเดิมที่สุดในญี่ปุ่น ใช้เวลาในการบูรณะทั้งหมด 5 ปีครึ่ง ตัวปราสาทมีสีขาวจึงมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า ปราสาทนกกระสาขาว บริเวณปราสาททั้งหมดได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม
ปราสาทฮิเมจิ มีความยิ่งใหญ่และมีความสวยงามทางสถาปัตยกกรรมมาก ทำให้เห็นถึงความเจริญ ภูมิปัญญาและความรุ่งเรืองในสมัยก่อน มาชมภาพกันดีกว่าค่ะ
เป็นภาพแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นนะค่ะ แต่ความงดงามเนี่ยสมกับเป็นมรดกโลกจริงๆ
ตอนที่เราไปเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิกันแล้ว อากาศยังคงเย็นสบาย เราเจอต่ำสุดที่ 9 องศา สูงสุดที่ 23 องศา แต่ซากุระร่วงหมดแล้ว ไม่เจอเลย ตอนเดินออกมาจากปราสาท เจอต้นซากุระอยู่ต้นนึง ยังออกดอกสวยงามอยู่ เอาละ 1 ต้นก็ช่างปะลัย ถ่ายรูปสิ
ต้นเดียวก็สวยได้ 5555
สวนโคโคะเอ็น
สวนสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมที่อยู่ใกล้ปราสาทฮิเมจิ ประกอบด้วยสวนทั้งหมด 9 แบบ ในสวนมีจุดถ่ายรูปมากมาย เป็นสวนที่มีบรรยากาศความสวยงามแตกต่างกันไปตามฤดูกาล วิธีการจัดสวนทำให้เราเดินอยู่ในนั้นและถ่ายรูปกันอย่างเพลิดเพลิน ดอกไม้ในสวนสวยจนบางทีเราคิดว่าเป็นของปลอม เราใช้เวลาอยู่ในนั้นก็เกือบ 2 ชม. ใกล้เวลาสวนปิดพอดี (สวนปิด 5 โมงเย็น) ลองดูรูปเผื่อเป็นแรงบันดาลใจในการมาเที่ยวที่นี่กันค่ะ
ย่านช้อปปิ้งถนนมิยุคิโดริ
ถนนเส้นนี้ จะอยู่เยื้องกับปราสาทฮิเมจิ เป็นย่านช้อปปิ้งที่ขายเสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องสำอางค์ ฯลฯ ร้านค้าจะมีสองฝั่งซ้ายขวา มีหลังคา ทางเดินกว้าง โดยรวมก็มีของให้จับจ่ายซื้อของประมานนึง
ภาพจาก http://daisukijapan.tv
ภาพจาก http://www.emagtravel.com
Kobe-Harborland
วิธีเดินทาง
1. กลับมาขึ้นรถไฟที่สถานี Sanyo-Himeji Sta. ที่เดิม ดูตารางรถไฟว่ารถไฟแบบไหนจอดที่สถานี Nishi-Motomachi Sta.
2. ขึ้นรถไฟแล้วลงที่สถานี Nishi-Motomachi Sta. ออกทางออกหมายเลข 7
3. เดินต่ออีกประมาน 5 นาที ถึง Kobe-Harborland (ใช้ google นำทางได้)
เรามาถึงที่บริเวณนี้ท้องฟ้าก็มืดแล้ว ระหว่างทางเดินไปริมท่าเรือ ริมถนนก็มีประดับไฟทางเดินสวยงาม Kobe-Harborland เป็นย่านช้อปปิ้งครบวงจรใกล้กับท่าเรือโกเบ มีทั้งร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านค้า สวนสนุกและเป็นจุดชมวิวที่งดงามแห่งหนึ่งในโกเบ พวกเราเลยถือโอกาสแวะมาถ่ายรูปริมท่าเรือ และหาอาหารค่ำทานกันที่นี่ แต่อาหารในย่านนี้ราคาค่อนข้างสูงซะหน่อย เพราะร้านส่วนมากเป็นร้านที่มีชื่อเสียง เราเดินเล่นกินข้าวอยู่ที่นี่ไม่นาน มองนาฬิกาอีกทีเกือบ 2 ทุ่มซะแล้ว เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ
ถึงเวลาเดินทางกลับที่พัก รู้สึกเพลียมากจริงๆเพราะเดินกันทั้งวัน มาญี่ปุ่นสิ่งที่ต้องเตรียมตัวและเตรียมใจมากๆคือ เดิน เดิน เดิน แล้วก็เดิน เยอะมากๆ Ep.1 ที่แอดเคยบอกเอาไว้ว่ารองเท้าสำคัญมาก สำคัญอย่างไร ก็ตรงนี้เอง รองเท้าต้องสามารถ Support เท้าเราได้ จะต้องไม่คับและหลวมเกินไป พื้นไม่แข็ง แล้วเวลาเดินเยอะๆรองเท้าต้องไม่กัด แอดโชคดีที่ได้ซื้อรองเท้าของ K-Swiss ที่ลดราคาที่ฮ่องกง รอดตายเลย แต่ถ้าใครมาแล้วรองเท้าเกิดมีปัญหา ที่ญี่ปุ่นมีร้านขายรองเท้าแบนรด์ต่างๆราคาถูกกว่าที่ไทยเต็มไปหมด มาหาซื้อที่นี่เอาก็ได้
เดินทางกลับที่พัก
1. กลับมาขึ้นรถไฟสถานี Nishi-Motomachi Sta. เลือกรถไฟแบบ Limited Express - Umeda นั่งยาวๆสุดสายที่สถานี Umeda Sta.
2. หารถไฟสายสีแดง Midosuji line สถานี Umeda Sta. (ชื่อเดียวกันแต่รถไฟคนละสาย)
3. ขึ้นรถไฟไปลงสถานี Dobutsuen-mae Sta. ออกทางออกหมายเลข 6
4. เข้าที่พัก
เช็คอินเข้าที่พักเรียบร้อย เก็บข้าวของ อาบน้ำ นอน พรุ่งนี้เรานัดเจอกัน 7 โมงเช้าที่ลอปบี้ เพื่อเดินทางไปเกียวโตกัน
วันนี้ทั้งวันพวกเราเดินทางด้วยบัตร Kansai Thru Pass เพียงใบเดียว
โปรดติดตามตอนต่อไป แอดจะพาเดินทางท่องเที่ยวไปที่เมืองเกียวโต 1 ในเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่น ฝากติดตามบล็อค กดแชร์หรือกดไลค์ Facebook page กันด้วยนะค่ะ เพื่อไม่พลาดรีวิวการท่องเที่ยวอื่นๆกันค่ะ