เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกในชีวิต คันไซที่รัก Ep.6


เกียวโตตะวันออก (ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ, แต่งชุดกิโมโน,วัดคิโยะมิซุ, ย่านฮิกาชิยาม่า, ศาลเจ้ายาซากะ, ย่านเกอิชา)

เช้านี้เราออกจากที่พักกันตั้งแต่ 7 โมงเช้า เพื่อจะเดินทางไปเมืองเกียวโตตะวันออก ซึ่งใช้เวลาในการเดินทางจากเมืองโอซาก้าไม่นาน แค่ประมาน 1 ชั่วโมง 

เริ่มเดินทางจากโรงแรม
1. ขึ้นสถานี Dobutsuen-mae Sta.สายสีแดง Midosuji Line 
2. ขึ้นสายสีแดงยาวไปลงสถานี Yodoyabashi Sta. 
3. มองหาป้ายสถานี Keihan Main Line (รถไฟสายเอกชน) สถานีจะออกมาจากตัวสถานีรถไฟใต้ดิน
4. ดูตารางรถไฟ เลือกรถไฟแบบที่ผ่านสถานี Fushimi-Inari Sta.
(ดูวิธีการแบ่งรูปแบบรถไฟสายเอกชน ได้ที่ https://timemyself.blogspot.com/2018/06/ep5.html)

ถ้าแอดจำไม่ผิดสถานี Fushimi-Inari Sta. รถไฟแบบ Limited Express ไม่จอดที่สถานีนี้

นั่งรถไฟยาวๆประมาน 1 ชม. หลับบ้างตื่นบ้างเพราะต้องคอยฟังเสียงประกาศชื่อสถานีบนรถไฟ และแล้วเราก็มาถึงสถานี Fushimi-Inari Sta. ระวังชื่อที่คล้ายๆกันแล้วลงผิดสถานีนะค่ะ นักท่องเที่ยวเยอะแยะเต็มไปหมดตั้งแต่หน้าสถานีรถไฟ เดินออกมาจากสถานีแล้วเลี้ยวซ้าย เดินตรงไปอย่างเดียว


ทางเข้าด้านหน้าศาลเจ้าจะมีถนนที่มีร้านขายอาหาร ของกินเล่น 
ของที่ระลึกอยู่สองฝั่งถนนน่าซื้อทั้งน้าน (ของกินที่นี่อร่อยนะ)








ของกินที่นี่ละลานตามาก น่ากินไปซะหมด
คนญี่ปุ่นก็นิยมแต่งชุดกิโมโนมาเดินที่ศาลเจ้าแห่งนี้ เพราะมีจุดถ่ายรูปสวยๆเยอะเลย


ศาลเจ้าเทพเจ้าจิ้งจอกอินาริ (Fushimi Inari Shrine)
เป็นศาลเจ้าที่มีความสำคัญแห่งหนึ่งของเมืองเกียวโต(Kyoto) มีชื่อเสียงโด่งดังจากประตูโทริอิ (Torii Gate) หรือเสาประตูสีแดงที่เรียงตัวกันข้างหลังศาลเจ้าจำนวนหลายหมื่นต้นจนเป็นทางเดินได้ทั่วทั้งภูเขาอินาริ โดยเทพอินาริจะเป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์ การเก็บเกี่ยวข้าว รวมไปถึงพืชผลไร่นาต่างๆ และมักจะมีจิ้งจอกเป็นสัตว์คู่กาย ผู้คนจึงมักเรียกชื่อเทพอินาริอีกชื่อหนึ่งว่า เทพเจ้าจิ้งจอก นักท่องเที่ยวมักเลือกที่นี่เป็นจุดหมายหนึ่งที่ต้องเดินทางมา แม้กระทั่งคนญี่ปุ่นเองก็มักจะมากราบไหว้สักการะ ขอพร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลเจ้าเป็นจำนวนมาก และถ้าสังเกตุจะพบว่าโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ต่างๆจะต้องมีภาพของที่นี่ให้เห็นอยู่เสมอ

เสาประตูด้านหน้า
 ทุกๆศาลเจ้าจะมีจุดให้ล้างมือ ล้างหน้า ทำความสะอาดก่อนจะเข้าไปไหว้สักการะ


ศาลเจ้าจะมีรูปปั้นจิ้งจอกอยู่ทั่วบริเวณ







ทางขึ้นไปทางเดินเสาโทริอิ
ทางเข้าด้านหน้าเสาโทริอิ (คนเยอะมากๆๆๆๆ)



ต้องเลือกมุมถ่ายรูปกันสักหน่อย รอคนเดินไปกันก่อน


เดินไปถึงจุดกึ่งกลางทาง จะมีศาลเจ้าให้สักการะและมีป้ายหน้าสุนัขจิ้งจอกให้เราเขียนคำอธิฐาน
แล้วไปแขวนเอาไว้ข้างศาลเจ้า หน้าจิ้งจอกเราสามารถวาดรูปหน้าได้เองตามสไตล์เรา


ทางเดินเสาโทริอิค่อนข้างยาวทีเดียว พวกเราเดินมาถึงแค่กลางทางก็เดินกลับกันแล้ว เพราะเรามีนัดไปใส่ชุดกิโมโนกันตอนบ่าย เราเดินกันอยู่ที่ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริเหมือนไม่นาน แต่พอดูนาฬิกาก็เกือบเที่ยงแล้ว เลยต้องรีบเดินทางกันแล้ว

เราขึ้นรถไฟจากสถานี Fushimi-Inari Sta. เลือกรถไฟที่ไปจอดที่สถานี Gion-Shijo เพราะเราจองคิวใส่ชุดกิโมโนกันที่นี่ ร้านที่เราใช้บริการคือร้าน Okamoto kimono rental มีหลายสาขา สาขาที่เราเลือกไปคือสาขากิออน เพราะเราคิดว่าจะไปเดินที่วัดน้ำใส แล้วเดินต่อมาจนถึงกิออนและคืนชุดที่นี่เลย แต่ในความเป็นจริงแอดคิดว่ามาเช่าชุดที่สาขาวัดคิโยะมิซุ จะดีกว่าเพราะไม่ต้องเสียเวลาไปใส่ชุดที่กิออนแล้วต้องนั่งรถไฟกลับมาเพื่อไปวัดคิโยะมิซุอีก 


สาขา Gion Shop ที่เราไปเช่าชุดกัน
ภาพจาก https://www.okamoto-kimono.com

ราคาถูกสุดตอนที่เราไปเช่า คือ 3,000 เยน ที่ร้านมีราคาตั้งแต่ 3 พันยันราคาเป็นหมื่นเยน ราคาต่างกันคุณภาพและลวดลายของผ้าก็ต่างกันด้วยนะค่ะ ราคาถูกสุดสีก็จะเรียบๆอ่อนๆ ไม่ฉูดฉาดมากนัก แต่ก็มีอุปกรณ์ให้ครบเหมือนกัน รองเท้าตอนแรกแอดคิดว่าจะใส่เดินยากแน่ๆ แต่เปล่าเลยเป็นรองเท้าฟองน้ำที่ทำเลียนแบบรองเท้าเกี๊ยะ เบา นุ่ม ใส่เดินสบายๆค่ะ แต่เป็นหูคีบนะถ้าใครไม่ค่อยใส่หูคีบก็อาจจะรู้สึกเดินยากสักนิด




ภาพล่างสุดแอดไปถ่ายรูปที่หน้าร้านสาขา Main Shop ถนนทางไปวัดคิโยะมิซุ

ชุดกิโมโนใส่ยากเหมือนกันนะเนี่ย มหัศจรรย์มากตรงที่ชุดไม่มีการใช้ด้ายเย็บแต่อย่างใด พันๆผูกๆมัดๆ โดยเฉพาะโบว์ด้านหลัง เห้ย...ผูกยังไงสวยขนาดนี้ ทำให้เราเห็นถึงศิลปะการใส่ชุดของประเทศเขาเลยว่ามีความปราณีตละเอียดอ่อน เวลาใส่จะรู้สึกอึดอัดตรงพุงและหน้าอกสักเล็กน้อย เพราะร้านจะต้องดึงและมัดจนแน่น ป้องกันการหลุดระหว่างทาง ^^

หลังจากใส่ชุดเสร็จ แอดก็นั่งรถไฟจากสถานี Gion-Shijo กลับมาที่สถานี Kiyomizu-Gojo  ย้อนกลับมา 1 สถานี (เรายังคงอยู่รถไฟสาย Keihan Main Line เหมือนเดิมนะค่ะ) และต้องเดินต่อไปอีกไกลพอสมควรกว่าจะถึงวัดคิโยะมิซุ

วัดคิโยะมิซุ หรือ วัดน้ำใส (Kiyomizu-dera) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองเกียวโต และเป็นมรดกโลก อาคารหลักของวัดคิโยะมิซุได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในสมบัติประจำชาติของญี่ปุ่น ชื่อของวัดมีความหมายว่าน้ำบริสุทธิ์ มีที่มาจากน้ำตกที่ไหลผ่านเนินเขาลงมาบริเวณวัด ข้างใต้อาคารหลักคือ น้ำตกโอตะวะ ซึ่งเป็นสายน้ำ 3 สายไหลลงสู่บ่อน้ำ ผู้มาเยี่ยมชมวัดมักจะมาดื่มน้ำจากน้ำตกนี้ด้วยถ้วยโลหะ ด้วยความเชื่อว่าสามารถบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ และยังเชื่อกันว่าการดื่มน้ำจากสายน้ำตกทั้ง 3 นี้ มีความหมายถึงสุขภาพ ความรัก และความสำเร็จในการศึกษา

แต่...วันที่เราไป อาคารหลักปิดปรับปรุงซ่อมแซม พวกเราเลยไม่ได้ขึ้นไปชมความงามของวัดกันด้านใน เลยหาจุดถ่ายรูปกันด้านหน้าและรอบๆบริเวณวัดแทน














พวกเราถ่ายรูปกันเยอะมากกกกกกกกก น่าเสียดายที่ไม่ได้มีโอกาสเข้าไปในตัวอาคารด้านใน แค่ด้านนอกก็มีจุดถ่ายรูปกันไม่หวาดไม่ไหวแล้ว ด้านหน้าวัดจะมีถนนที่ชื่อว่าย่านฮิกาชิยาม่าให้ช้อปของกันสนุกสนาน

ย่านฮิกาชิยาม่า เป็นย่านการค้าที่ฮอตฮิตมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองเกียวโต เต็มไปด้วยร้านค้าจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านของกินเล่น ร้านขายสินค้าต่างๆและร้านขนมพื้นเมือง รอบๆอาคารบ้านเรือนร้านค้ายังคงความเก่าแก่แบบสไตล์โบราณ ย่านการค้าแห่งนี้มีระยะทางจากวัดคิโยะมิสุไปจนถึงศาลเจ้ายาซากะรวมประมาณ 2 กิโลเมตร 





ภาพาก https://www.talonjapan.com

เราก็เดินกันยาวๆ ไปตามทางเพื่อจะไปเปลี่ยนชุดกิโมโนที่ร้านสาขากิออน เปลี่ยนเสร็จแล้วก็เดินต่อไปยังศาลเจ้ายาซากะ บริเวณนี้สามารถเดินถึงกันได้หมดนะค่ะ ตั้งแต่วัดคิโยะมิซุ ศาลเจ้ายาซากะ ย่านกิออน(ย่านเกอิชา)

ศาลเจ้ายาซากะ ตั้งอยู่ในระหว่างย่านกิออนและย่านฮิกาชิยาม่าเป็นศาลเจ้าเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงอย่างมากของเกียวโต ช่วงเย็นๆไปจนถึงค่ำๆจะมีการเปิดโคมไฟยิ่งทำให้สวยงามมากเป็นพิเศษ
ซึ่งเมื่อพวกเราเดินไปถึงที่ศาลเจ้าก็เริ่มค่ำพอดี เลยได้เห็นบรรยากาศตอนที่เปิดโคมไฟดูสวยงามมาก



ด้านหน้าศาลเจ้า 
ภาพจาก http://ttnotes.com

ตกกลางคืนรู้สึกอากาศหนาวเย็นมากผิดปกติ ยกมือถือขึ้นมาดูอุณหภูมิ โอโห....คืนนี้ที่นี่อากาศอยู่ที่ 9 องศา เดินกันตัวสั่นเลย จากศาลเจ้ายาซากะเดินมาย่านกิออนไม่ไกล พวกเรามาที่ย่านนี้เพราะหวังว่าจะมีโอกาสได้เจอเกอิชาสักครั้ง แต่เราก็ไม่เจอ 😞😞 เสียดายจัง 

ย่านกิออน เป็นย่านที่มีร้านชา ร้านอาหารที่ให้บริการด้วยเกอิชามากที่สุดในเกียวโต บรรยากาศในย่านกิออนจะเป็นบ้านไม้ 2 ชั้นหลังเล็กๆ อยู่ติดกัน เป็นอาคารไม้แบบดั้งเดิม ร้านค้าแต่ละร้านราคาค่อนข้างสูง และเป็นการยากที่จะเจอกับเกอิชา เพราะเกอิชาจะเดินค่อนข้างเร็ว ขี้อาย ไม่หยุดแวะระหว่างทาง

พวกเราจึงเลือกไปเดินดูอาคารโบราณ แต่ไม่ได้ทานอาหารกันที่นี่ เพราะราคาค่อนข้างสูง และอีกอย่างถ้าไม่ใช่คนญี่ปุ่นมักจะไม่ค่อยได้เข้าไปในร้านแถวย่านนี้อีกด้วย



เอาละถึงเวลาเดินทางกลับโอซาก้ากันแล้ว ขึ้นรถไฟที่สถานี Gion-Shijo (รถไฟสาย Keihan Main Line) นั่งยาวๆ 1 ชม. มาลงที่สถานี Yodoyabashi Sta. และเดินไปเข้าสถานีรถไฟสายสีแดง Midosuji Line สถานี Yodoyabashi Sta. (ชื่อเดียวกันแต่คนละสายรถไฟ) มาลงที่สถานี Dobutsuen-mae Sta. สถานีที่พักของพวกเรา เป็นอันจบทริป วันเวลานี้มันผ่านไปเร็วจริงๆ กลับมาถึงที่พักก็ 4 ทุ่มซะแล้ว

อ้อมีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น ระหว่างที่เราจะขึ้นรถไฟที่สถานี Gion-shijo พวกเราแวะเข้าห้องน้ำกันที่นี่ แล้ว 1 ในผู้ร่วมทริปของเราลืมของที่ซื้อเอาไว้ที่หน้าห้องน้ำ ขึ้นรถไฟไปได้ประมาน 1 สถานีแล้วนึกขึ้นมาได้ว่าของที่ซื้อมานั้นหาย!!! พวกเราเลยนั่งรถไฟย้อนกลับมาที่สถานี Gion อีกครั้ง แต่ว่าของไม่อยู่ที่หน้าห้องน้ำซะแล้ว ขณะกระวนกระวายว่าจะเอาอย่างไรดี เลยตัดสินใจไปถามที่นายสถานี ว่าของเราหายมีคนมาฝากของไว้บ้างไหม นายสถานีก็ถามว่าของข้างในคืออะไร แบบนี้ใช่หรือไม่ มีคนเจอที่หน้าห้องน้ำแล้วเอามาฝากไว้ที่นี่ แล้วเขาก็เอาของมาให้ พวกเราดีใจกันใหญ่ นายสถานีก็ใจดีมากให้บริการด้วยความสุภาพและยิ้มแย้ม เราเคยได้ยินมาเหมือนกันว่าถ้าของหายที่ญี่ปุ่นโอกาสได้คืน 99% มาเจอกับตัวจึงรู้ว่า เป็นความจริง^^

วันรุ่งขึ้นเราจะเดินทางไปเมืองเกียวโตเช่นเดิม แต่เป็นเกียวโตคนละฝั่ง ตอนต่อไปเราจะเดินทางไปกันที่วัดทองคินคะคุจิและย่านป่าไผ่อาราชิยาม่า ฝากติดตามบล็อค กดแชร์หรือกดไลค์ Facebook fan page กันด้วยนะค่ะ เพื่อไม่พลาดรีวิวการท่องเที่ยวอื่นๆกันค่ะ



บทความได้รับความนิยม

เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกในชีวิต คันไซที่รัก Ep.1

เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกในชีวิต คันไซที่รัก Ep.2

เกาะล้าน..ใกล้แค่นี้ วันเดียวก็เที่ยวได้